OR BRIC Superbike 2023
ถ้าพูดถึงเรื่องของการแข่งขันที่มาพร้อมกับความเร็วของเหล่านักกองทัพนักบิดทางเรียบที่เป็นเบอร์หนึ่งของประเทศไทย เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักกับการแข่งขัน ศึกซุปเปอร์ไบค์ ชิงแชมป์ประเทศไทย OR BRIC Superbike 2023 ที่ได้มีการเปิดฤดูกาลแข่งขันประเดิมสนามแรกเมื่อวันที่ 7-8 เมษายนที่ผ่านมา การแข่งขันโปรแกรมนี้บอกเลยว่าเหล่าคนรักความเร็วในทางเรียบไม่ควรพลาด และทุกวินาทีที่ดูการแข่งขันบอกเลยว่าแทบละสายตาไม่ได้
การรวมตัวนักบิดทางเรียบของประเทศไทย
เรื่องความเร็วเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนให้ความสนใจและนิยมมาอย่างยาวนาน ซึ่งเมื่อก่อนอาจจะเป็นเพียงแค่เฉพาะกลุ่มไม่ได้เปิดกว้างมากนัก และหลายคนมองว่าการลงทุนซื้อรถจักรยานยนต์ประเภทนี้เป็นสิ่งที่สิ้นเปลือง ด้วยราคาที่สูงและมีค่าการดูแลรักษา ซ่อมแซมที่ต้องลงทุนจำนวนมาก แต่เมื่อมีการแข่งขันที่เกิดขึ้นทำให้รู้ว่าจากความชอบเฉพาะกลุ่ม สามารถนำมาสร้างประสบการณ์การเป็นนักบิดที่มีชื่อเสียงและมีคนให้ความสนใจรวมถึงชื่นชอบจำนวนมากกว่าที่คิด ทุกรานการจะใช้สนามของประเทศไทยทั้งหมด การแข่งขันจะมีการประลองทั้งหมด 4 สนาม 5 เรซ จะขึ้นที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ สำหรับรายละเอียดของการแข่งขันที่เกิดขึ้นจะมีดังนี้
ประเภทรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันในครั้งนี้จะมีการจะมีการแบ่งแยกรายการสองรายการใหญ่ ๆ ก็คือ การรวมคลาสรถจักรยานยนต์ 5 ประเภทและการแยกนักแข่งรุ่นโปรอีก 3 คสาลหลัก จึงมีการแบ่งออกเป็น 2 รุ่นก็คือ
- รุ่นแรก จะเป็น Super Bike 1000cc., Super Stock 1000cc., Super Sport 600cc., Super Sport 400cc. และ Super Production 400cc.
- รุ่นโปรจะเป็น Super Bike 1000cc.(SB 1 Pro), Super Sport 600cc. (SS 1 Pro) และ Super Sprot 400cc. (SS 1 Pro)
การที่ได้แบ่งออกเป็นสองรุ่นเพราะว่า ผู้แข่งที่อยู่ในรุ่นโปรจะมีความสามารถที่มากกว่าหรือเรียกได้ว่ามีความเป็นมืออาชีพสูง จึงมีความสามารถที่แตกต่างจากผู้แข่งขันโดยทั่วไป การแยกรุ่นจึงทำให้เกิดการแข่งที่สมน้ำสมเนื้อมากขึ้น และยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ มีโอกาสได้รับรางวัลในการแข่งขันแต่ละประเภทได้อย่างเท่าเทียม
มีการจัดโปรแกรมการแข่งขันอย่างไร
การแข่งจะมีทั้งหมด 4 สนาม และการแข่งขันจะจัดขึ้นแต่ละสนามครั้งละ 3 วัน ยกเว้นการแข่งในสนามที่ 4 จะมี 2 เรซ จึงมีการแข่งที่ยาวนานที่สุดก็คือ 4 วัน รายละเอียดของวันในการแข่งก็คือ
สนามที่ 1 จัดขึ้นวันที่ 7-9 เมษายน 2566
สนามที่ 2 จัดขึ้นวันที่ 2-4 มิถุนายน 2566
สนามที่ 3 จัดขึ้นวันที่ 28-30 กรกฎาคม 2566
สนามที่ 4 จัดขึ้นวันที่ 21-24 กันยายน 2566
ทุกการแข่งขันจะจัดขึ้นที่สนาม changinternationalcircuit จะทำให้คนทั่วโลกได้รู้จักกับประเทศไทยได้มากขึ้นในหลายด้าน อย่างแรกด้านของความเร็วในการขับรถจักรยานยนต์ที่อาจจะยังไม่สามารถเทียบถึงในระดับโลกได้ก็ตาม แต่รายการนี้จะทำให้เห็นศักยภาพของผู้ขับขี่และการควบคุมรถที่ขึ้นชื่อเรื่องของความเร็วแถวหน้าของเอเชีย
ด้านที่สองเป็นเรื่องของมาตรฐานสนามแข่งขันของไทยที่มีการพัฒนาจนเป็นสนามแข่งรถที่ได้มาตรฐานระดับสมาพันธ์รถยนต์นานาชาติที่ดีที่สุดในประเทศไทย เป็นการโปรโมทสนามแข่งรถไปในตัว
ด้านที่สามด้านการท่องเที่ยวแน่นอนว่า ที่ประเทศไทยทุกจังหวัดมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังหลายสถานที่ การที่มีการแข่งขันนี้จะทำให้เห็นบางมุมบางวิวของจังหวัดที่น่าสนใจ และถ้าหากว่าต้องการเที่ยวก่อนที่จะไปงานแข่งขันหรือหลังจบการแข่งขันในแค่ละครั้งก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน