เครื่องยนต์ หนึ่งในหัวใจสำคัญของรถแข่ง
หลายคนที่เคยชมการแข่งขันศึกโมโตจีพีมาก่อน คงจะเคยเห็นความเร็วและความแรงของรถแข่งรุ่นต่างๆ ซึ่งเครื่องยนต์ของรถในการแข่งขันโมโตจีพีนั้นอาจจะไม่ใช่เครื่องยนต์ที่แรงมากที่สุด แต่เครื่องยนต์ที่นำมาใช้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆและมีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่ทางค่ายผู้ผลิตจะสามารถใส่เข้าไปในรถแต่ละรุ่นได้ แต่จะต้องอยู่ในขอบเขตของข้อกำหนดการแข่งขันที่ทางค่ายผู้ผลิตจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ในปัจจุบันนี้รถแข่งในศึกโมโตจีพีส่วนใหญ่มักจะนิยมใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ ที่มีขนาดความจุจำนวน 1,000 ซีซี โดยแต่ละค่ายมีการใช้เทคโนโลยีของเครื่องยนต์ที่แตกต่างกัน โดยมีรูปแบบของเครื่องยนต์จำนวน 3 แบบ ยกตัวอย่างเช่น รถแข่งรุ่น Ducati Desmosedici GP ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ รูปตัววี วาง 90 องศา (เรียกว่า L4) / รถแข่งรุ่น Honda RC231V และ Aprilia RS-GP
ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ รูปตัววี / รถแข่งรุ่น Suzuki GSX-RR และ Yamaha YZR-M1 ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง
ในการแข่งขันศึกโมโตจีพีเครื่องยนต์ที่แต่ละทีมเลือกใช้ ส่วนใหญ่จะมีความแรงมากกว่า 250 แรงม้าทั้งสิ้น และรถแข่งแต่ละรุ่นมีความเร็วมากกว่า 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยการวางเครื่องยนต์ในแต่ละแบบจะมีความโดดเด่นที่เหมือนกัน เช่น ทางค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง “ยามาฮ่า” ที่ได้เลือกใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ แถวเรียง จะมีความโดดเด่นตรงที่มีอัตราการเร่งที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ และมีน้ำหนักที่เบากว่าแบบ V4 มีจุดศูนย์ถ่วงที่ดี และทำให้เหล่านักบิดสามารถบิดรถเข้าโค้งได้อย่างคล่องแคล่ว เหมาะกับการนำไปใช้แข่งในสนามที่มีจำนวนโค้งเยอะ
ถึงแม้ว่าจุดเด่นจะเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง แต่เครื่องยนต์แบบแถวเรียงก็มีจุดด้อยอยู่พอสมควรเช่นกัน คือเรื่องของการจุดระเบิด และอัตราการเร่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง ยามาฮ่า พยายามที่จะลบจุดด้อยเหล่านี้ออกไป ด้วยการหันมาคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์แบบ Crossplane ที่มีการจุดระเบิดที่แตกต่างกันในแต่ละสูบ เป็นการนำความโดดเด่นของเครื่องยนต์แบบ V4 มาพัฒนาเป็นเทคโนโลยีชนิดนี้ แต่อัตราการเร่งของเครื่องยนต์แบบ Crossplane ก็ยังด้อยกว่าเครื่องยนต์แบบ V4
ทุกค่ายผู้ผลิตพยายามเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์กันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เทคโนโลยีของค่ายมีความก้าวล้ำกว่าค่ายคู่แข่งอื่นๆ ซึ่งในอนาคตอันใกล้คงได้เห็นเทคโนโลยีเครื่องยนต์ชนิดใหม่ๆออกมาอีกเรื่อยๆอย่างแน่นอน และอีกหนึ่งสิ่งที่ถือว่าเป็นเสน่ห์ของการแข่งขันกีฬาชนิดนี้คือเสียงของเครื่องยนต์ ซึ่งเมื่อรถเริ่มออกสตาร์ทในสนามการแข่งขัน เสียงของเครื่องยนต์ที่แฟนกีฬาคุ้นเคยก็ทำให้บรรยากาศของการแข่งขันดูคึกคักและมีสีสันมากยิ่งขึ้น
