ทำความรู้จักมาตรฐานEURO
หลายๆปีที่ผ่านมานี้ชาวบิ๊กไบค์หลายๆท่านคงเคยได้ยินถึง EURO5 กันพอสมควร เนื่องจากรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ๆต่างพยายามที่จะผ่านมาตรฐาน EURO5 นี้ให้ได้ วันนี้ทางเว็บไซต์ MOTOGPWORLD จำนำทุกท่านมาทำความรู้จักกับมาตรฐานนี้กันครับ ซึ้งช่วงเปิดตัวรถท้ายปีนี้พวกเราก็คงจะเห็นกันว่ารถสำหรับวางจำหน่ายปี 2020 หลายคันได้ผ่านมาตรฐาน EURO5 กันแล้วเนื่องจากมันจะถูกบังคับใช้ทั่วสหภาพยุโรปในวันที่ 1 มกราคม 2020 นี้ และอีกไม่นานมันก็จะขยายกลายเป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์ทั่วโลก
EURO5 คืออะไร?
EURO หรือ Euro emissions standards คือมาตรฐานควบคุมการปล่อยมลภาวะของรถยนต์ใหม่ที่จำหน่ายในโซนประเทศกลุ่มยุโรป มาตรฐานยูโรเป็นมาตรฐานไอเสีย และน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ้งถูกกำหนดโดยประเทศในกลุ่มยุโรป ซึ่งปัจจุบันไปไกลถึง EURO 6แล้ว แต่ประเทศไทยยังใช้ EURO 4 และกำลังเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่ EURO 5
วิวัฒนาการของมาตรฐาน EURO !!!
มาตรฐาน EURO 1 สำหรับรถมอเตอร์ไซค์เริ่มใช้ครั้งแรกในวันที่ 17 มกราคม ปี 1999 ตามด้วย EURO 2 ในวันที่ 1 เมษายน ปี 2004, EURO 3 ในวันที่ 11 มกรคม ปี 2006 และในปี 2013 ทางสหภาพยุโรปได้ปรับปรุงระบบใหม่ทั้งหมดและวางแผนระยาวเพื่อปรับโครงสร้างมาตรฐานใหม่ใน EURO 4 และ EURO 5
โดยมาตรฐาน EURO 4 ได้มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกรคม ปี 2017 ซึ่งเป็นการบีบให้โมเดลใหม่ที่จะผลิตขึ้นต้องผ่านมาตรฐานนี้ ขณะที่ โมเดลเก่า (ที่ยังวางจำหน่ายอยู่) ก็จะได้รับการต่ออายุออกไปอีก 1 ปี(ภายใน 1 มกรคม 2018 ) เพื่อปรับปรุงให้ผ่านมาตรฐาน
จนมาถึงยุคของ EURO 5 ที่จะมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2020 และจะใช้วิธีการเดียวกับ EURO 4 ที่จะอนุโลมให้โมเดลที่วางจำหน่ายอยู่ก่อนมีเวลาปรับปรุงให้ผ่านมาตรฐาน EURO 5 ภายใน 1 ปี ก่อนวันที่ 1 มกราคม ปี 2021
มาตรฐาน EURO 4 และ EURO 5 ต่างกันอย่างไร ?
มาตรฐานค่าไอเสียของ EURO 5 จะเข้มงวดกว่า EURO 4 แตกต่างกันในการจำกัดค่าสารพิษที่ออกจากท่อไอเสียต่าง ๆให้ต่ำลงไปอีก เช่น ค่า Carbon monoxide, ค่า Hydrocarbons ที่เผาไหม้ไม่สมบูรณ์ และค่า Oxides ของ Nitrogen (NOx) อีกทั้ง EURO 5 จะมีการนับค่าไอเสียชนิดใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตัวก็คือ Non-Methane Hydrocarbons (หรือเรียกว่า NMHC) โดยภายใต้มาตรฐานใหม่นี้ รถมอเตอร์ไซค์ทุกคันจะต้องปล่อย Hydrocarbons น้อยกว่า 0.1 g/km และ NMHC ต้องน้อยกว่า 68% จากปริมาณข้างต้น หรือคิดเป็น 0.068 g/km
โดยขอกำหนดที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการระยะเวลาของการกำหนดใช้เกณฑ์มาตราฐานจากเพียงแค่ 20,000 กิโลเมตร มาเป็นตลอดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ ทำให้ทางผู้ผลิตต้องวางแผนออกแบบเครื่องยนต์ให้ดีๆ เพื่อที่จะรักษามาตรฐานนี้ตลอดไปให้ได้ตามเกณฑ์
ในส่วนของเรื่องเสียง มาตรฐาน EURO 4 นั้นจะจำกัดความดังไว้ไม่เกิน 80 เดซิเบล สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ที่มีปริมาตรเครื่องยนต์ใหญ่กว่า 175 cc. ส่วน EURO 5 นั้นจะกำหนดระดับเสียงใหม่ให้มีความละเอียดมากขึ้นตามขนาดของเครื่องยนต์ ซึ่งยังไม่ได้ถูกกำหนดอย่างสมบูรณ์ในตอนนี้ และกำลังรอดำเนินการให้เป็นกฎหมายต่อไป
ทุกท่านคงจะได้ความรู้คร่าวๆกับการ ทำความรู้จักมาตรฐานEURO และยังคงเป็นเรื่องที่ต้องมาติดตามกันต่อไปนะครับว่าค่ายรถต่าง ๆจะพัฒนาเครื่องยนต์อย่างไรให้สามารถปล่อยไอเสียให้ได้ตามมาตรฐาน EURO5 แต่ครื่องยนต์ยังคงสมรรถนะสามรถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอยู่เช่นเดิม